SCGP ทำรายได้ 9 เดือนแรก 112,559ล้านบาท เติบโตร้อยละ 26มุ่งกลยุทธ์ขยายธุรกิจศักยภาพสูงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนานวัตกรรมและ ESG
SCGP เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 เป็นที่น่าพอใจ ทำรายได้จากการขาย 9 เดือนแรกของปีเท่ากับ 112,559ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตต่อเนื่อง ผลจากการควบรวมกิจการกับพันธมิตรชั้นนำศักยภาพสูง (Merger & Partnership : M&P) และการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน มองเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากโควิด 19 ที่คลี่คลายเดินหน้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ต่อเนื่อง พร้อมผนึกกำลังเสริมแกร่งกับบริษัทพันธมิตร ขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ที่เติบโตสูง ควบคู่กับขับเคลื่อน ESG 4 Plus เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP
เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขาย 112,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์การควบรวมกิจการกับพันธมิตร (M&P) รวมถึงความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นภายหลังที่มีการเปิดประเทศและสถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลาย และมี EBITDA เท่ากับ 15,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสำหรับงวด 5,351 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 SCGP มีรายได้จากการขาย 37,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 มีEBITDA อยู่ที่ 5,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และกำไรสำหรับงวด 1,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายสินค้าที่สะท้อนต้นทุน ราคาเยื่อที่สูงขึ้นและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ของกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มและสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคอาเซียนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจจากการควบรวมกิจการบริษัทรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ Peute Recycling B.V. (Peute) ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Jordan Trading Inc. (Jordan) สหรัฐอเมริกา
ภาพรวมของเศรษฐกิจอาเซียนช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 จนถึงต้นปี 2566 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการบริโภคภายในประเทศ การเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าที่จำเป็นสำหรับการบริโภค เช่น กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงสินค้าอุปโภคอื่น ๆ สำหรับเทศกาลต่าง ๆ ในช่วงสิ้นปี ซึ่งธุรกิจบรรจุภัณฑ์ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะตอบสนองความต้องการซื้อสินค้าของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น สำหรับด้านการส่งออกของอาเซียน ยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการสินค้าคงทนลดลง รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ราคาพลังงานทั่วโลกยังทรงตัว อย่างไรก็ตาม ค่าขนส่งและต้นทุนวัตถุดิบ โดยเฉพาะวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (Recovered Paper : RCP) มีการปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565
ทั้งนี้ SCGP มั่นใจว่า ในปี 2565 จะมีรายได้จากการขาย 150,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์เพื่อรักษาการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ได้แก่
1. มุ่งการเติบโตด้วย M&P ผสานความร่วมมือเสริมแกร่งธุรกิจ (Synergy) ทั้งด้านการขยายฐานลูกค้าส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ตอบรับความต้องการที่หลากหลายและครอบคลุม การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การพัฒนานวัตกรรมด้านโซลูชันบรรจุภัณฑ์ การจัดหาวัตถุดิบร่วมกัน และร่วมกันพัฒนาช่องทางขยายลูกค้าไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูง อย่างการลงทุนใน Jordan เมื่อไตรมาสที่ 3 นี้จากแผนการดำเนินธุรกิจ SCGP จะผสานการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง Jordan และ Peute เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขยายฐานการจัดหาวัตถุดิบรีไซเคิลในต่างประเทศ ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบกล่องกระดาษใช้แล้วคุณภาพสูงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ช่วยเพิ่มคุณภาพกระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษได้โดยตรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจของ SCGP ให้กับเครือข่ายรีไซเคิลในภูมิภาคอาเซียน Peute ในยุโรป และ Jordan ในสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับขีดความสามารถการดำเนินงานต่อไปได้ด้วย
2. บริหารต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Operational excellence) พร้อมพัฒนานวัตกรรม เพิ่มโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ดำเนินการบริหารจัดการเงินสด งบประมาณการลงทุน (CAPEX) และการพิจารณาลงทุนตามกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ รอบคอบ รัดกุม รวมทั้งการเพิ่มความสามารถและศักยภาพในการจัดการภายในองค์กรที่สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งพัฒนานวัตกรรมและโซลูชัน ด้วยงบประมาณวิจัยและพัฒนาร้อยละ 0.3 ของรายได้ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งมอบนวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าและผู้บริโภค โดยล่าสุด SCGP ร่วมกับ 3 พันธมิตรผู้จัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำของไทย เพื่อนำผลิตภัณฑ์วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์จาก Deltalab ขยายตลาดในประเทศและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อรองรับเทรนด์สุขภาพที่เติบโตสูง
3. ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิด ESG 4 Plus เพื่อโลกที่ยั่งยืน ได้แก่ (1) มุ่งสู่ Net Zero ที่ดำเนินงานตามแผน เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 (2) Go Green การเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ99.7 ของปริมาณการผลิตทั้งหมด (3) Lean เหลื่อมล้ำ การส่งเสริมด้านการศึกษาและอาชีพ เช่น จัดประกวดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ระดับอุดมศึกษา เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 และ (4) ย้ำร่วมมือ SCGP ร่วมกับพันธมิตรนำกระดาษใช้แล้วมาหมุนเวียนนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า อีกทั้งยังได้ร่วมกับอำเภอบ้านโป่ง จัดโครงการชุมชน Like (ไร้) ขยะ ส่งเสริมชุมชนปลอดขยะกว่า 86 ชุมชน ฯลฯ
จากการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน ทำให้ล่าสุด SCGP ได้ติดรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ SET THSI Index เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCGP ในการดำเนินธุรกิจตามกรอบแนวคิด ESG เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน